กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์คละคลุ้งทั่วบ้าน แดงน้อยรู้ทันทีว่า แม่จะกำลังทำข้าวเหนียวเปียกทุเรียนแน่ๆ วันนี้ลาภปากของแดงน้อยจริงๆ ที่เลิกเรียนเร็วและกลับบ้านไวไม่ไปเถลไถลที่ไหน ประเดี๋ยวเอากระเป๋าไปเก็บเรียบร้อย แล้วแดงน้อยจะลงมาช่วยแม่ ว่าแล้ว แดงน้อยก็รีบจ้ำขึ้นห้อง เก็บกระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้น แดงน้อยก็ลงไปหาแม่ที่ห้องครัว
“แม่จ๋า” เสียงแดงน้อยเรียกแม่ราวกับเด็กน้อย แดงน้อยเรียกแม่แบบนี้มาตั้งแต่จำความได้จนถึงตอนนี้ที่แดงน้อยอยู่ชั้นมัธยมปลายแล้ว
“อ้าว แดงน้อย วันนี้เลิกเรียนเร็วหรือลูก” แม่ทักตอบพลางถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“จ้ะ แม่” ลูกสาวตอบและเข้าไปโอบเอวของแม่เหมือนเคยๆ
“ไปนั่งรอดีกว่านะ แม่ทำใกล้จะเสร็จละ” แม่ว่า แต่แดงน้อยยังโอบเอวและอิดออด
“แดงน้อยอยากจะช่วยแม่อะจ้ะ”“ไม่มีอะไรให้ช่วยแล้วนะ ช่วยไปรอกินดีกว่าไหม” แม่พูดเชิงหยอกลูกสาว
“ถ้างั้น แดงน้อยช่วยล้างหม้อล้างจานชามนะจ๊ะ ประเดี๋ยวทำเสร็จ แม่จะได้พัก ไม่ต้องมาเหนื่อยล้างอีก” พูดจบ แดงน้อยก็ปรี่ไปล้างอุปกรณ์เครื่องครัวที่อ่างล้างจานและลงมือทันที ทำเอาแม่มีสีหน้าปลื้มใจ
“วันนี้เลิกเรียนเร็ว มีการบ้านหรือเปล่าลูก” แม่สอบถามผู้ที่กำลังง่วนล้างจานชามและเครื่องครัว ซึ่งขานตอบทันใดว่า
“ครูไม่ให้การบ้าน วันนี้ฟรีเดย์จ้ะ แม่”
“ไม่มีการบ้าน แล้วแดงน้อยจะทำอะไรล่ะลูก”
“เพื่อนแดงน้อยแนะนำหนังมาสเตอร์มาสองสามเรื่องจ้ะ แม่ ประเดี๋ยวแดงน้อยว่าจะกินข้าวเหนียวเปียกทุเรียนไปและดูหนังไปจ้ะ แม่” ลูกสาวตอบแม่
“ก็ดีนะลูก กินขนมกับดูหนังเพิ่มพลังชีวิต” แม่พูดเชิงปรัชญาอีกแล้ว
“ใช่เลยจ้ะ แม่ เพิ่มพลังชีวิต เพราะที่ผ่านมาข้อสอบเขี้ยวมากๆ เลยจ้ะ แดงน้อยอ่านหนังสือจนหัวจะโตอยู่แล้วนะจ๊ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาเพิ่มพลังกับเติมความบันเทิงละจ้ะ” แดงน้อยพูดเจื้อยแจ้วพลางมือก็เป็นระวิง
และแล้ว…
“อะ เสร็จละ แดงน้อยล้างเสร็จแล้วก็มาตักเอาเลยนะลูก ประเดี๋ยวแม่จะเอาไปให้บ้านป้าน้อยกับลุงพวงก่อน” แม่ว่า
“จ้ะ แม่” แดงน้อยตอบ ครู่หนึ่งแดงน้อยก็ล้างอุปกรณ์ครัวเสร็จ จากนั้นก็เดินไปตักข้าวเหนียวเปียกทุเรียนและเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่น ซึ่งเมื่อไปถึง แดงน้อยก็จัดแจงเปิดอุปกรณ์ พอเรียบร้อย แดงน้อยจึงนั่งกินพลางดูหนังพลาง
ระหว่างดูหนัง แดงน้อยรู้สึกว่า วันนี้เป็นวันที่ปลอดโปร่งที่สุด ไม่มีความอึดอัดความกังวลแฝงอยู่ในความคิดเหมือน
วันก่อนวันสอบกลางภาคที่ทั้งกดดัน อึดอัด กังวลสารพัด ชีวิตช่วงนั้นคล้ายกับแบกภูเขาไว้ทั้งใบ มันหนักอึ้งจะปล่อยก็ปล่อยไม่ได้ จะแบกต่อก็หนักมากมาย บางครั้งแดงน้อยคิดจะปล่อยให้มันตกลงมาทับตัวเองไปเลย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป แต่แดงน้อยก็ทำไม่ได้ เพราะแม่เคยสอนเสมอว่า เกิดเป็นคนจะต้องอดทนให้ได้ทุกสภาวะ ในเวลานี้ แดงน้อยอายุยังน้อย ถ้าแดงน้อยคิดว่า ชีวิตในตอนนี้มันหนักหนาจนอยากจะปล่อยมือแล้ว อีกหน่อยแดงน้อยจะสู้กับปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ได้อย่างไร แดงน้อยต้องสู้และมองคนอื่นที่มีปัญหาหนักหนากว่าแดงน้อยมาก เขายังไม่ยอมแพ้ แล้วแดงน้อยจะยอมแพ้ได้อย่างไร ได้ยินแม่พูดแบบนี้ ทำให้แดงน้อยลุกขึ้นสู้ แดงน้อยสัญญากับแม่ว่า แดงน้อยจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ตาม แล้วประโยคที่แม่พูดในครัวเมื่อสักครู่ แดงน้อยก็รู้ว่า แม่เตือนนั่นเอง เตือนให้ใช้สิ่งรอบๆ ตัวเป็นตัวเพิ่มพลังให้ชีวิต
“แดงน้อยเข้าใจแล้วจ้ะแม่…กินขนม ดูหนัง เพิ่มพลังให้ชีวิต” แดงน้อยงึมงำพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ลงมือตักขนมเข้าปากพลางดวงตาจ้องอยู่ที่หนังมาสเตอร์ ซึ่งกำลังบรรเลงอยู่บนจออย่างสนุกสนาน