สยามสแควร์ – Siam Square

เรื่องย่อหนัง
หนัง Siam Square หรือชื่อไทยว่า สยามสแควร์ โดย หนัง สยามสแควร์ จะเดินเรื่องราวผ่าน เด็กวัยรุ่น 10 คน ที่จะพาคุณจักกับสยามสแควร์ ในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อนเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า ระหว่างที่ เมย์ กับ จุ๊บเล็ก สองเพื่อนสนิทกำลังนั่งคุยถึงปัญหาเปิดอกที่ค้างคาใจมานานในห้องเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาซีเครทคีย์ ซึ่งตั้งอยู่ในสยามสแควร์ ไฟทั้งตึกก็ดับสนิท…. มันไม่ใช่แค่ดับเฉพาะในตึกเรียนพิเศษ แต่ไฟดับมืดไปทั้งสยามสแควร์ ! ทันทีที่ไฟติด

เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ”วิญญาณเด็กสาวในสยามสแควร์” ก็ถูกขุดขึ้นมาเล่าอีกครั้ง เพราะเมื่อไฟดับใครสักคนจะต้องตาย เรื่องเล่าค่อย ๆ แพร่กระจายไปในอากาศเมย์ กับ จุ๊บเล็ก และกลุ่มเพื่อนที่คุ้นเคยกันจากโรงเรียนกวดวิชาก็ได้พบเจอ ”ความไม่ปกติ” กันคนละอย่างสองอย่างที่ดูจะดำเนินไปตามอาถรรพ์ในเรื่องเล่าทุกประการ เด็ก ๆ เหลือทางเลือกไม่มากนักระหว่างไม่สนใจกับเรื่องไร้สาระนั่นแล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรืออีกทางคือหันมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอันน่าสะพรึงกลัวแล้วแก้ไขมัน ถึงแม้ผลลัพธ์นั้นอาจจะทำให้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปกระทั่งมิตรภาพที่พวกเขาคิดว่าจะแน่นแฟ้นยาวนาน
ตัวอย่างหนังออนไลน์

รีวิวหนัง
สยามสแควร์ (ไพรัช คุ้มวัน / Thailand / 2017)

นี่เป็นหนังไทยที่ทะเยอทะยานที่สุดในไตรมาสแรกของปี และในฐานะหนังผีก็สามารถทิ้งห่างจาก School Tales เรื่องผีมีอยู่ว่า (ภาส พัฒนกำจร/2017) ที่ส่วนตัวก็รู้สึกว่าน่าสนใจ และน่าชื่นชมในความพยายามจะสร้างความแปลกใหม่ให้หนังไทย ด้วยการสร้างเรื่องราวและเงื่อนไขผีที่มีกิมมิกให้น่าติดตาม แต่ยังมีแผลตามรายทางให้เห็นทั้งเรื่อง ซึ่งสยามสแควร์ก็มีแผลให้เห็นไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่นะ โดยเฉพาะตัวบท แต่ทุกๆ แผลมันแทรกไว้ด้วยแง่มุมที่เราสนใจที่จะผสานเรื่องราว เพื่อต่อให้มันติดกับประเด็น ตัวตนด้านดีและร้ายของวัยรุ่น ท่ามกลางมิตรภาพอันร้าวรานที่ทำให้เราอินกับหนังได้เป็นพิเศษ ได้ด้วยงานสร้าง งานภาพ งานกำกับ และการแสดงที่แข็งแรงดูขึงขังและสมจริงมากกว่า School Tales อีกทั้งยังผสมกลิ่นอายของหนังหลายประเภทเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ สร้างความรู้สึกที่คาบเกี่ยวอยู่ระหว่างความเป็นหนังผีเขย่าขวัญ กับกลิ่นอายลึกลับทางวิทยาศสตร์ได้น่าสนใจ ซึ่งทำให้นึกถึงซีรีส์ตอนหนึ่งใน เพื่อนเฮี้ยน..โรงเรียนหลอน ตอน อจินไตย (โสภณ ศักดาพิสิษฏ์/2015) ซึ่งผสมเงื่อนไขผีที่ให้กลิ่นหนังไซไฟกับความเชื่อเรื่องผีให้กลมกลืนกันได้และดี
สยามสแควร์ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนนักเรียน 9 คน ที่ก่อเกิดขึ้นในสยามจากห้องเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวหลอนๆ ทั้งหมด ทั้งผีในห้องเรียนกวดวิชา ด้ายแดง และเฟรนด์ชิปปกแดงลึกลับ จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อเพื่อนคนที่ 10 ปรากฏตัวขึ้นในคืนที่ทั้งสยามไฟดับลง เธอมาพร้อมกับปริศนาที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์สยามไฟดับในอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นหนังก็พาเราไปสำรวจแต่ละตัวละครไปเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่ตัวละครเยอะ ก็น่าเสียดายที่หนังไม่สามารถกระจายความสำคัญให้กับตัวละครด้วยฟังก์ชั่นหน้าที่ได้ดีพอ ที่จะทำให้เราซึมซับกับตัวละครที่ควรจะโฟกัสได้เท่าไหร่นัก
ตัวบทเองและการเล่าเชื่อมโยงแต่ละฉาก แต่ละเส้นเรื่อง ยังไม่ได้ไหลลื่น และขาดความน่าเชื่อถือและความสมเหตุสมผลอยู่มาก การบาลานซ์บทเพื่อทั้งตอบประเด็นและสร้างไดนามิกของสถานการณ์ก็ยังขาดๆ เกินๆ อย่างเห็นได้ชัดอย่างน่าเสียดาย แต่ส่วนที่ดีที่สุดของหนังอย่างการกำกับก็สามารถหลอมรวมจุดสะดุดเหล่านั้นให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ ด้วยบรรยากาศและอารมณ์ที่โอบอุ้มอีกแรงด้วยงานกำกับภาพ และการออกแบบงานสร้างได้อย่างมีมิติ รวมถึงการลำดับภาพที่ต้องทำงานหนักพอสมควร เพื่อช่วยให้เรื่องราวอันซับซ้อนให้เข้าใจได้ไม่ยาก และยังคงความบันเทิงย่อยง่ายเอาไว้อยู่
เอาเข้าจริงประเด็นเกี่ยวกับตัวตนวัยรุ่นที่เราอิน มันก็เป็นประเด็นที่ไม่ได้ใหม่จนถึงขั้นน่าสนใจอะไร แต่เมื่อคนทำยืนยันที่จะเล่าก็ต้องเลือกเล่าอย่างลึกซึ้ง ไม่ก็ต้องเล่าด้วยท่ายากให้มีชั้นเชิงและความแปลกใหม่ เพื่อจะได้ลดความคลิเชซ้ำซากลงไปให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งอันตรายทั้งสองวิธี เพราะหากคนทำไม่ลึกซึ้งมากพอ หรือเข้าใจความลึกซึ้งผิดจุดผิดประเด็นไป หนังก็จะดูไม่จริงใจดูปั้นแต่งขึ้นมาได้ง่ายๆ และถ้าเล่นท่ายากเพื่อใช้บางสิ่งบางอย่างผลักประเด็น ถ้ามันตรงเกินไปหรือเวิ่นเว้อเกินไป ก็จะเกิดความทื่อและเข้าใกล้คำว่าเห่ยได้ง่ายๆ เช่นกัน ซึ่งในท้ายที่สุดสยามสแควร์ก็เลือกที่จะผลักประเด็นด้วยการเล่นท่ายาก ที่ก้ำกึ่งอยู่กับความมั่วซั่วอยู่ทุกขณะ ถึงแม้ว่าจะยังขาดเกินอยู่ไม่น้อยแต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ที่หนังสามารถจะวายป่วงได้กว่านี้อยู่ทุกเมื่อ กลับยังอยู่ได้ด้วยวิสัยทัศน์ที่ดีของคนทำ
เป็นหนังที่พูดได้เต็มปากว่าน่าสนับสนุนด้วยการซื้อตั๋วไปดูในโรงหนัง ซึ่งเป็นอีกหนทางที่คนดูหนังจะได้สื่อสารกับคนทำหนังไทย โดยเฉพาะสตูดิโอและเจ้าของเงิน เจ้าของโรงหนังทั้งหลายให้เชื่อมั่น และกล้าที่จะเล่าเรื่องที่แปลกใหม่มากขึ้น ตอนนี้สำหรับ สยามสแควร์ มันอาจจะยังไม่ใช่หนังดีอย่างสมบูรณ์ แต่ความตั้งใจและความทะเยอทะยานที่แสดงให้เห็นจากหนังที่ได้ดูนั้น มันน่าลงเงินให้สร้างเรื่องต่อๆ ไปเลยจริงๆ นะ น่าจับตามองมากๆ สำหรับผู้กำกับ ไพรัช คุ้มวัน และเหล่านักแสดงวัยรุ่นนับ 10 ชีวิต ที่หลายคนมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดจากที่ได้เคยเห็นมาในบทบาทอื่นๆ ก่อนหน้านี้ บางคนก็เริ่มต้นได้ดีกับหนังเรื่องแรกในฐานะนักแสดง และบางคนก็ถ่ายทอดตัวละครได้อย่างน่าทึ่ง จะเป็นใครกันบ้างนั้น ลองให้โอกาสพวกเขาด้วยการตีตั๋วเข้าไปดูกันเถอะ!!